การรักษาสิวในคลินิก และโรงพยาบาลผิวหนังโดยส่วนใหญ่จะมีการรักษาสิวด้วยวิธีการกดสิว ซึ่งก่อนกดสิวคุณหมอจะวิเคราะห์สิวว่ากดได้ไหม โดยสิวที่กดได้เลยคือสิวอุดตันหัวเปิดที่ไม่อักเสบ ส่วนสิวอุดตันหัวปิด ก็ต้องเจาะหัวสิวก่อนกด และสิวอักเสบไม่มีหัวแดงบวม จะยังกดไม่ได้ ซึ่งคุณหมอจะให้ทายาเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ก่อนล้างหน้าเพื่อเปิดหัวสิว เวลากดสิวจะกดออกได้ง่ายขึ้น ทาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนกดสิว โดยขั้นตอนการกดสิว หมอจะเริ่มจากทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะกดด้วยแอลกอฮอล์ และใช้เข็มขนาดเล็กเจาะที่หัวสิวเพื่อให้กดสิวออกได้ง่าย และใช้ที่กดสิวกดสิวออก หลังกดสิวเสร็จ ก็ซับเลือด ทายาฆ่าเชื้อ และประคบด้วยน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม และเพื่อให้เลือดหยุดไหลด้วย
ข้อดีของการกดสิวคือ ลดโอกาสการเกิดการอักเสบ ส่วนข้อเสียคือ ถ้ากดไม่ถูกวิธีไปกดสิวที่ยังกดไม่ได้ เช่นสิวบวมแดง ไม่มีหัว , สิวอักเสบ หรือกดสิวแล้วออกไม่หมดหัวสิว ก็จะทำให้สิวเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าเรากดสิวอักเสบ จะทำให้เกิดรอยดำได้ง่ายขึ้น และหายช้าค่ะ
จากบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ผิวหนังของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริการะบุไว้ว่า การกดสิวเป็นวิธีเสริมการรักษาสิววิธีหนึ่ง ซึ่งควรให้แพทย์เป็นผู้กระทำ ไม่ควรกดสิวเอง เพราะผู้กดที่ไม่เข้าใจประเภทของสิว หากไปกดเอาสิวอักเสบที่ไม่มีท่อทางออก แรงดันที่กดก็จะดันให้สิวลุกลามลึกลงและแผ่ขยายไปด้านข้างกลายเป็นสิวขนาดใหญ่ เกิดเป็นสิวอักเสบที่รุนแรงและเมื่อสิวหายแล้ว หน้าก็จะเป็นหลุมลึก
ปกติสิวอุดตันเล็กๆ สิวหัวเปิด สิวหัวดำ หากปล่อยทิ้งไว้แล้วไม่มีการติดเชื้อ สิวก็สามารถหลุดออกเองได้ แต่การกดสิวเป็นวิธีช่วยให้ออกได้เร็วขึ้น เพราะบางคนใช้เวลาหลายเดือนว่าจะหลุดออกเอง หรืออาจนานกว่านั้น ส่วนสิวหัวปิด การกดสิวออกจะช่วยลดการอักเสบและสิวหายเร็วขึ้น
ข้อพึงระวัง สิวที่เป็นถุงหนองที่มีผิวบางบางขึ่นเหนือริมฝีปาก ถ้าเป็นสิวที่ไม่มีหัว มักเป็นสิวที่เกิดจากการแพ้ ห้ามกดโดยเด็ดขาด ควรปล่อยให้สุก และแห้งเอง หากพบแพทย์ แพทย์จะใช้เข็มเจาะเอาหนองออกและใช้ยาทาซึมเข้าสู่สิวได้
ขอกราบขอบพระคุณแหล่งข้อมูล
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ เป็นสิวหายได้ ของ ดร.เริงฤกธิ์ สัปปพันธ์
หน้าที่เข้าชม | 437,123 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 239,227 ครั้ง |
เปิดร้าน | 16 ก.พ. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |